/ความเสียหายของสงครามในประเทศซีเรีย

ความเสียหายของสงครามในประเทศซีเรีย

ในปี 2018 ผ่านมาเป็นเวลาถึง 7 ปีแต่สงครามในประเทศซีเรีย ยังไม่มีท่าทีจะทุเลาลง จนกระทั่งประธานาธิบดี Donald trump ออกมาขู่ว่าจะตอบโต้ซีเรียอย่าง “แข็งกร้าว”
ย้อนรอยสาเหตุของการเกิดสงครามซีเรีย
นาย Asad ขึ้นรับตำแหน่งต่อจากพ่อของเขา นาย Hafez al-Assad ในปี 2000 ทุกอย่างเป็นไปตามครรลอง ก่อนที่ความขัดแย้งจะปะทุขึ้น ประชาชนเริ่มวิพากษ์วิจารณ์ถึงปัญหาการว่างงาน , ปัญหาทุจริต รวมทั้งการปราศจากสิทธิเสรีภาพทางการเมืองของประชาชน ภายใต้การบริหารประเทศของนาย Asad www.sbobet24hr.com
ทำให้ในปี 2011 เกิดการชุมนุมประท้วง เพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยกลับคืนมา เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น ณ เมือง Daraa ซึ่งการชุมนุมนี้ได้รับแรงบันดาลใจมากจากกระแส ” Arab Spring ” หรือการที่ประชาชนลุกขึ้นมาต่อต้านรัฐบาลในตะวันออกกลาง ความวุ่นวายเริ่มขยายวงกว้าง บวกกับการปราบปรามอันรุนแรงยิ่งขึ้น ส่งผลให้ฝ่ายต่อต้านรัฐบาล หันไปใช้อาวุธ เพื่อป้องกันตัวเอง รวมทั้งใช้ขับไล่กองกำลังรัฐที่รุกรานเข้ามาในพื้นที่ของพวกเขา เหตุการณ์ยิ่งเลวร้ายลงไปอีกเมื่อนาย Asad ประกาศว่าจะจัดการกับ “พวกก่อการร้ายที่ได้รับการสนับสนุนจากต่างประเทศ” หลังประโยคนี้หลุดออกมา ความรุนแรงก็เพิ่มทบทวีคูณจนกลายเป็นสงครามกลางเมือง
ความเสียหายของสงครามในประเทศซีเรีย
องค์กรสังเกตการณ์เพื่อสิทธิมนุษยชนซีเรีย ออกมาระบุว่า จำนวนผู้เสียชีวิตถึงเดือน มีนาคม ในปี 2018 มียอดรวมทั้งสิ้น 353,900 ราย แบ่งออกเป็นพลเรือน 106,000 ราย และจำนวนที่กล่าวมานี้ไม่ได้รวมจำนวน 56,900 คน ที่สูญหายและคาดว่าเสียชีวิต โดยองค์กรนี้กล่าวอีกว่า จากการวิเคราะห์คาดว่ามีผู้เสียชีวิตถึงหนึ่งแสนรายซึ่งไม่ได้รับการจดบันทึก
นอกจากผู้เสียชีวิตหลายแสนแล้ว พิษจากสงครามในประเทศที่ดำเนินมาถึง 7 ปี ส่งผลให้ประชาชนจำนวน 1.5 ล้านกลายเป็นคนพิการ ในจำนวนนี้ มี 86,000 คนต้องเสียแขน-ขา , มีชาวซีเรียอย่างต่ำ 6.1 ล้านคน ต้องเดินทางย้ายถิ่นฐานไปเมืองอื่นเพื่อหนีตาย และอีก 5.6 ล้านคนเดินทางอพยพไปต่างประเทศ โดย 92 % ของคนกลุ่มนี้ หนีไปอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ เลบานอน , จอแดน , ตุรกี
โดยสหประชาชาติเองก็ประมาณการณ์ออกมาว่า มีผู้คนจำนวนมากถึง 13.1 ล้านคน กำลังต้องการความช่วยเหลือทางด้านมนุษยธรรม ซึ่งเป็นข้อมูลในปี 2018 และอย่างไรก็ตามกลุ่มติดอาวุธต่างๆ ก็ยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปอีก ด้วยการปิดกั้นช่องทางไม่ให้กลุ่มช่วยเหลือเข้าถึงผู้ประสบภัยที่กำลังลำบากอย่างแสนสาหัส
เพราะถึงแม้ว่ารัฐบาลของซีเรียจะสามารถบุกเพื่อเอาคืนเมืองใหญ่ของประเทศมาได้สำเร็จ แต่อย่างไรก็ตามพื้นที่จำนวนมากของประเทศก็ยังถูกยึดครองโดยกลุ่มกบฏรวมทั้งกลุ่มกองกำลังประชาธิปไตยอยู่ดี และไม่มีใครรู้ว่าสงครามเหล่านี้จะจบลงเมื่อใด